วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ

วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ (1 กรกฎาคม )

วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ (1 กรกฎาคม )
วัน สถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
1 กรกฎาคม ของทุกปี

         พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงสถาปนากิจการลูกเสือไทยขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 จึงได้ยึดถือวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี วันคล้าย วันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งได้จัดให้มีการเดินสวนสนามของลูกเสือ ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี ในแต่ละปีจะมีลูกเสือทั้งในส่วนกลางและปริมณฑลมาร่วมเดินสวนสนาม ประมาณ 10,000 คน เพื่อแสดงความเคารพและกล่าวทบทวนคำปฏิญาณ ต่อองค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ เพื่อประกาศความเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง


ความเป็นมาของลูกเสือ

         ลูกเสือได้กำเนิดครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2450โดยท่านลอร์ดบาเดน เพาเวลล์ กิจการลูกเสือในยุคแรกมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมคนไว้เป็นทหาร หลายประเทศที่ไม่มีพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร จึงได้จัดให้มีลูกเสืออย่างประเทศอังกฤษบ้าง หลังจากนั้นไม่นานกิจการลูกเสือก็ได้แพร่หลายเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
         ในปี พ.ศ. 2451 ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ ได้แต่งหนังสือคู่มือการฝึกอบรมลูกเสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า Scouting For Boys และคำว่า "Scout" จึงใช้เป็นคำเรียกผู้ที่เป็นลูกเสือซึ่งมีความหมายมาจาก
         S ย่อมาจาก Sincerity แปลว่า ความจริงใจ
         C ย่อมาจาก Courtesy แปลว่า ความสุภาพอ่อนโยน
         O ย่อมาจาก Obedience แปลว่า การเชื่อฟัง
         U ย่อมาจาก Unity แปลว่า ความเป็นใจเดียวกัน
         T ย่อมาจาก Thrifty แปลว่า ความประหยัด

         และในปีนี้เอง ได้มีการจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นกองแรกในประเทศอังกฤษ ซึ่งกิจการลูกเสือได้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว จนต่อมาในปี พ.ศ. 2452 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ 1 ทรงรับอุปภัมภก เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นความสำคัญและประโยชน์ของลูกเสือ จึงได้ก่อตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นประเทศที่ 2


การจัดตั้งลูกตัวในประเทศไทย

         ต่อมาใน พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองเสือป่าขึ้น เพื่อให้ข้าราชการพลเรือนได้เข้ารับการอบรม โดยมีจุดประสงค์ที่จะมุ่งอบรมจิตใจให้คนไทยรู้จักรักชาติมีมนุษยธรรม มีความเสียสละ สามัคคี และมีความกตัญญู
         เมื่อกิจการของเสือป่าเจริญก้าวหน้ามั่นคงดีแล้วพระองค์ จึงทรงพระราชดำริว่า ควรจะได้มีการอบรมของเสือป่าด้วย ดังนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 จึงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งลูกเสือขึ้นในประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา จากนั้นนานาชาติในยุโรปจึงจัดตั้งกองลูกเสือของตนขึ้น ลูกเสือกลายเป็นองค์การสากลและมีความสัมพันธ์กันทั่วโลก เป็นสื่อผูกมิตรไมตรีกันโดยใช้กฎของลูกเสือ 10 ประการ ผูกสัมพันธ์กันไม่เว้นเชื้อชาติใด ศาสนาใดทั้งสิ้น ถือว่าลูกเสือทั่วโลกเป็นพี่น้องกันหมด


ลูกเสือกองแรกของไทย

         ลูกเสือกองแรกของไทยตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเรียก "ลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ 1" ต่อมาขยายตัวออกไปจัดตั้งที่โรงเรียนหรือสถานที่ใดสุดแต่สภากรรมการคณะลูก เสือแห่งงชาติจะเห็นสมควร เด็กที่จะเป็นลูกเสือจะต้องทำพิธีเข้าประจำกอง กล่าวคำปฏิญาณตนตามคำมั่นสัญญานั้น พระองค์ผู้ทรงให้กำเนิดลูกเสือได้พระราชทานคำขวัญไว้ว่า "เสียชีพอย่าเสียสัตย์" ในสมัยนั้นกิจการลูกเสือไทยเลื่องลือไปยังนานาชาติว่า "พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงใฝ่พระทัยในกิจการลูกเสือเป็นอย่างยิ่ง" ถึงกับกองลูกเสือที่ 8 ของประเทศอังกฤษ ได้มีหนังสือขอพระราชทานนามนามลูกเสือกองนี้ว่า "กองลูกเสือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม" พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ตามความประสงค์ ลูกเสือกองนี้ติดเครื่องหมายช้างเผือกที่แขนเสื้อทั้งสองข้างและยังปรากฏ อยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
         เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟื้นฟูอีก โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการชุมนุมลูกเสือแห่งชาติขึ้นครั้งแรกในบริเวณพระราชอุทยานสราญรมย์ เมื่อ พ.ศ. 2470 จากนั้นได้จัดให้มีการอบรมลูกเสืออีกหลายรุ่นกระทั่งถึงปี พ.ศ.2475 เป็นปีสุดท้ายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว กิจการลูกเสือได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วย สมัยนั้นได้ช่วยบำเพ็ญประโยชน์แก่ข้าราชการ ทหาร ในการปราบจราจล รัฐบาลจึงจัดตั้งหน่วยยุวชนทหารฝึกวิชาทหารขึ้นโดยรับเด็กที่ได้เป็นลูกเสือ มาแล้ว ส่วนกิจการลูกเสือก็ขยายให้กว้างขวางขึ้น มีการจัดตั้งกองลูกเสือเหล่าเสนาและลูกเสือเหล่าสมุทรเสนาขึ้นโดยฝึกร่วมกับ ยุวชนทหารการลูกเสือจึงซบเซาลงบ้างในยุคนี้
         ปี พ.ศ. 2490 ทางราชการได้ฟื้นฟูกิจการลูกเสืออีกครั้ง มีการจัดชุมนุมของลูกเสือแห่งชาติ ส่งเจ้าหน้าที่ในกองการลูกเสือไปเข้ารับการฝึกอบรมวิชาลูกเสือตามมาตรฐาน สากล และตามแบบนานาประเทศตามลำดับ มีพระราชบัญญัติลูกเสือใช้บังคับโดยคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้บริหาร วัตถุประสงค์ของขบวนการลูกเสือได้รับการปรับปรุงและเน้นให้เห็นชัดเจนรัดกุม ยิ่งขึ้น มีความว่า "คณะลูกเสือแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ"


การกำหนดวันสถาปนาลูกเสือแห่ง ชาติ

         แม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงสวรรคตแล้วก็ ตาม พระราชอนุสรณ์กิจการลูกเสือของพระองค์ท่านได้พัฒนารุ่งเรืองมาตามลำดับจน เป็นกิจการที่สร้างคุณประโยชน์สร้างชื่อเสียงของประเทศให้ขจรขจายเป็นที่ รู้จักของนานาประเทศทั่วโลก และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่าน ทางราชการจึงได้กำหนดวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปีเป็น "วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ" หรือ "วันลูกเสือ"
[แก้ไข] กิจกรรมในวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
ภาพ:Boyscout_1.jpg


กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ

  1. ทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านผู้ให้กำเนิดลูกเสือแห่งประเทศไทย
  2.  จัดนิทรรศการ เผยแผ่ ประวัติความเป็นมาของลูกเสือและผลงานต่างๆ
  3. ร่วมกิจกรรมต่างๆในวันลูกเสือ เช่น การนำพวงมาลาไปถวายบังคมที่พระบรมรูปฯ สถานพระบรมราชานุสรณ์ หรือที่ที่ทางราชการกำหนด
  4. เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
- วิกิพีเดีย
- คลังปัญญาไทย

วันต้านยาเสพติด

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด
26 มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2554
สรุปกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติด 26 มิถุนายน โหลดสื่อรณรงค์  ที่นี่
13215 Hits
วันต่อต้านยาเสพติด ปี 2554
การจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด (26 มิถุนายน) ประจำปี 2554 และเทิดพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา
 5 ธันวาคม 2554
 
คำขวัญรณรงค์ประชาสัมพันธ์ 26 มิถุนายน ประจำปี 2554
 “สานต่อพระราชปณิธาน หยุดยั้งยาเสพติด หยุดหายนะแผ่นดิน”
 
“...ยาเสพติดนี่มันก่อให้เกิดความเดือดร้อน หลายอย่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งราชการตำรวจ โดยโรงพยาบาล โดยคน เอกชนต่าง ๆ เดือดร้อนหมด และสิ้นเปลือง คนทั่วประเทศก็สิ้นเปลือง แทนที่จะมีเงินทอง มีทุนมาสร้างบ้านเมืองให้สบาย ให้เจริญ มัวแต่ต้องมาปราบปรามยาเสพติด มัวแต่ต้องเสียเงิน ค่าดูแลรักษาทั้งผู้เสพยา ผู้เป็นคนเดือดร้อน อย่างนี้ก็เสียทั้งเงินและเสียทั้งชื่อเสียง...”

   พระ ราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่ 4 ธันวาคม 2545


กำหนดการจัด กิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติด
งานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อ ต้านยาเสพติด (26 มิถุนายน) ประจำปี 2554วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2554  เวลา 14.00 น.  ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)
images/stories/icon-msg.gif กิจกรรม ภายในงาน
 ภาพงานแถลงข่าว
วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2554 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จัด กิจกรรม To be Number One วันที่ 23 มิถุนายน 2554 ณ ฮอล์ล 9 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี
วัน ศุกร์ที่  24 มิถุนายน 2554 เวลา 10.00 -12.00 น. สำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข “จัดพิธีเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 39” ณ ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเป็นยาเสพติดให้โทษของกลาง จำนวน 2,426 กิโลกรัม 130 มิลลิลิตร ของกลางที่มิใช่ยาเสพติดให้โทษ 12 กิโลกรัม 612 กรัม 2,852 เม็ด 17,100 แคปซูล 1 ขวด ยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชาจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3418.7 กิโลกรัม
images/stories/icon-msg.gif ราย ละเอียดของข่าว
 ภาพงานเผายาเสพติด 
วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2554 ณ ห้องบุญยะจินดา 1-2 สโมสรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จัดกิจกรรม “คนรุ่นใหม่ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ไม่พึงพายาเสพติด”
images/stories/icon-msg.gif ราย ละเอียดของข่าว
 ภาพงานเผายาเสพติด 
วันศุกร์ที่  24 มิถุนายน 2554 เวลา 17.00 -22.00 น.จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. และ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และภาคประชาชนในพื้นที่จัดมหกรรมคอนเสิร์ต “84 พรรษา เทิดไท้องค์ราชัน ร่วมต่อต้านยาเสพติด” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ลานเอนกประสงค์สมบัติบุรี จังหวัดนนทบุรี
อ่าน ข้อมูลเพิ่มเติม...
 ภาพในงานมหกรรมคอนเสิร์ต 
วันที่ 26 มิถุนายน 2554
เวลา 8.00-8.30 น.
การแสดงพระธรรมเทศนา “ตามรอยพ่อหยุดยาเสพติด” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด  ทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์
สรุป กิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดในภูมิภาคทั่วประเทศ
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.กทม

images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 1อยุธยา / นนทบุรี
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 2จันทบุรี / ชลบุรี / ตราด
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 3นครราชสีมา / ชัยภูมิ/ บุรีรัมย์ / สุรินทร์ / ยโสธร / ศรีสะเกษ / อุบลราชธานี / อำนาจเจริญ
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 4นครพนม / บึงกาฬ / มหาสารคาม / ร้อยเอ็ด / เลย / หนองคาย / หนองบัวลำภู / อุดรธานี
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 5เชียงใหม่ / เชียงราย / น่าน / ลำปาง / พะเยา / ลำพูน / แม่ฮ่องสอน
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 6พิษณุโลก / กำแพงเพชร / นครสวรรค์
   สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 6 จัดโครงการสัมมนาการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และประกาศเกียรติคุณบุคคลและองค์กร เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2554
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 7
เพชรบุรี / นครปฐม / สมุทรสาคร / สุพรรณบุรี / ประจวบคีรีขันธ์ / สมุทรสงคราม / กาญจนบุรี / ราชบุรี
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 8สุราษฎร์ธานี / กระบี่ / ระนอง / ชุมพร / นครศรีธรรมราช / ภูเก็ต
  images/stories/icon-msg.gif กิจกรรมวันต่อต้านฯในพื้นที่ ปปส.ภาค 9

นต่อต้านยาเสพติด
ทุกวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี



ความเป็นมาวันต่อต้านยาเสพติด
         ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหา ยาเสพติด มา เป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งใน พ.ศ. 2501 คณะปฏิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 37 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2501 ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักรโดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่น ที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ 30 มิถุนายน 2502 หลังจากนั้นปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลได้จัดตั้ง “คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ” ใช้ชื่อย่อว่า ปปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ
        ต่อ มาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลได้เล็งเห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่าย เดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2519
        ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมาการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผน และเป็นระบบที่ดีขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรม กรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันสำนักกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพ ติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
         ผล จากปัญหายาเสพติด ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก เพื่อเน้นถึงความสำคัญของการต่อสู้กับปัญหาการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติดและเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทั่วโลกใน การต่อสู้กับปัญหายาเสพติด ที่ประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบใช้ยาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and llicit Trafficking ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่าง วันที่ 17-26 มิถุนายน 2530 ที่ประชุมได้เสนอเป็นข้อมติต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ 26มิถุนายนของทุกปีเป็นวันต่อต้านยาเสพติดซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตาม ข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2530
        ประเทศไทย  สำนักงาน ป.ป.ส.ใน ฐานะหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน ประเทศมาโดยตลอด ได้นำมติเรื่องวันต่อต้านยาเสพติดขององค์การสหประชาชาติเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2531 ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531เป็นต้นมา

กิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติด
        สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ และศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดกรุงเทพมหานคร จะจัดกิจกรรมรณรงค์พิเศษ "มหกรรมภาคีพลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด" ขึ้นโดยระดมพลังครั้งยิ่งใหญ่จากทุกภาคส่วนของสังคม และประชาชนทุกหมู่เหล่าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 26 มิถุนายน 2547 ตั้งแต่เวลา 06.30 - 14.00 น. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี พิธีในช่วงเช้าเริ่มด้วยการใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง การกล่าวคำปฏิญาณตนและการแสดงเจตนารมณ์เป็น "พลังแผ่นดิน" ร่วมเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด และการแสดงผลงานของภาคีพลังแผ่นดินที่จะร่วมต่อสู้เอาชนะยาเสพติดอย่างต่อ เนื่องและเป็นไปอย่างยั่งยืน เช่นพลังเยาวชน พลังครอบครัว พลังชมรม To Be Number One พลังผู้ประสานพลังแผ่นดิน พลังลูกเสือชาวบ้าน พลังภาคเอกชนและธุรกิจเอกชน พลังชุมชน เป็นต้น
        โดยในส่วนภูมิภาคจะมีการจัดงานและกิจกรรมรณรงค์พิเศษขึ้นในลักษณะเดียวกัน พร้อมกันทุกพื้นที่ จังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอ ณ จุดนัดหมายบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ/กิ่งอำเภอทุกแห่ง


คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด

 คำ ขวัญวันต่อต้านยาเสพติดของไทย ประจำปี 2554
 “สานต่อพระราชปณิธาน หยุดยั้งยาเสพติด หยุดหายนะแผ่นดิน”


       “...ยาเสพติดนี่มันก่อให้เกิดความเดือดร้อนหลายอย่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งราชการตำรวจ โดยโรงพยาบาล โดยคน เอกชนต่าง ๆ เดือดร้อนหมด และสิ้นเปลือง คนทั่วประเทศก็สิ้นเปลือง แทนที่จะมีเงินทอง มีทุนมาสร้างบ้านเมืองให้สบาย ให้เจริญ มัวแต่ต้องมาปราบปรามยาเสพติด มัวแต่ต้องเสียเงิน ค่าดูแลรักษาทั้งผู้เสพยา ผู้เป็นคนเดือดร้อน อย่างนี้ก็เสียทั้งเงินและเสียทั้งชื่อเสียง...”

   พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่ 4 ธันวาคม 2545


คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดสากลในปี พ.ศ. 2550 ถึงปี พ.ศ. 2552   คือ

“Do drugs control your life? Your life. Your community. No place for drugs”
 ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า
“ยาเสพติดครอบงำชีวิตของคุณอยู่หรือเปล่า ชีวิตของคุณ

คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดของไทย
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2553
"ไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติด"
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2552
"ยาเสพติดครอบงำชีวิตของคุณอยู่หรือเปล่า ชีวิตของคุณ"
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2551
"รวมพลังประชาไทย พ้นภัยยาเสพติด"
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2550
"รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน"
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2549
“ ๖๐ ปี ทรงครองราชย์  รวมพลังไทยทั้งชาติ  ขจัดยาเสพติด ”
คำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2548
"พลังไทย ต้านภัยยาเสพติด"

ยะลา / พัทลุง / สงขลา / ปัตตานี / ตรัง / สตูล / นราธิวาส

วันสุนทรภู่

ประวัติสุนทรภู่

สุนทรภู่

ชีวประวัติ

           ประวัติสุนทรภู่ สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง บิดามารดาเลิกร้างกันตั้งแต่สุนทรภู่เกิด บิดาออกไปบชที่ วัดป่า ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดากลับเข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ได้ถวายตัวเป็นนางนมของพระธิดาในกรมฯ นั้น
สุนทรภู่ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน พระราชวังหลัง และได้อาศัยอยู่กับมารดา สุนทรภู่ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว ๒๐ ปี
ในสมัยรัชกาลที่ ๒ สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด ต่อมาในราว พ.ศ. ๒๓๖๔ สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไมนานก็พ้นโทษเพราะความสามารถในทางกลอนเป็นที่พอพระราชหฤทัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่ถูกกล่าวหา ด้วยเรื่องเสพสุรา และเรื่องอื่นๆ จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร ต่อมาสุนทรภู่ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) และเดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ และได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ ๑๐ พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง ๒ พรรษา ก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิมรวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังใน ปี พ.ศ. ๒๓๙๔ และรับราชการต่อมาได้ ๔ ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๗๐ ปี
องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องสุนทรภู่ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับ โลกในวาระครบรอบ ๒๐๐ ปีเกิดของท่าน ทางราชการจึงได้กำหนดให้มีการจัดงานวันสุนทรภู่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปีเป็น “วันสุนทรภู่

ผลงานของสุนทรภู่

       หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฏเรื่องที่ยังมีฉบับอยู่ในปัจจุบันนี้คือ
๑. ประเภทนิราศ : นิราศเมืองแกลง, นิราศพระบาท, นิราศเมืองสุพรรณ (แต่งเป็นโคลง), นิราศวัดเจ้าฟ้า, นิราศอิเหนา, นิราศพระประธม, นิราศเมืองเพชร
๒. ประเภทนิทาน : เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์,เรื่องสิงหไกรภพ
๓. ประเภทสุภาษิต : สวัสดิรักษา, สุภาษิตสอนหญิง
๔. ประเภทบทละคร : เรื่องอภัยณุรา
๕. ประเภทบทเสภา : เรื่องขุนช้างขุนแผน, เรื่องพระราชพงศาวดาร
๖. ประเภทบทเห่กล่อม : เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร
กลอนสุนทรภู่


อย่างหม่อมฉันอันที่ดีและชั่ว
ถึงลับตัวแต่ก็ชื่อเขาลือฉาว
เป็นอาลักษณ์นักเลงทำเพลงยาว
เขมรลาวลือเลื่องถึงเมืองนคร

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "เพลงยาวถวายโอวาท"





จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น
อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน
นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ
จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอยฯ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง"





ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง"





ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง"





แม่รักลูก ลูกก็รู้ อยู่ว่ารัก
ใครอื่นสัก หมื่นแสน ไม่แม้นเหมือน
จะกินนอน วอนว่า เมตตาเตือน
จะจากเรือน ร้างแม่ ก็แต่กาย

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "ขุนช้างขุนแผน"





แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "สุดสาคร"





จะหักอื่น ขืนหัก ก็จักได้
หักอาลัย นี้ไม่หลุด สุดจะหัก
สารพัด ตัดขาด ประหลาดนัก
แต่ตัดรัก นี้ไม่ขาด ประหลาดใจ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศอิเหนา"





อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "เพลงยาวถวายโอวาท"





มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "สุภาษิตสอนหญิง"





อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "เพลงยาวถวายโอวาท"





บัดเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว
สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา
ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน พระฤาษีสอนสุดสาคร)





แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน พระฤาษีสอนสุดสาคร)





อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฎิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"





เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"





ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา


แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง

แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง ได้ถูกนำไปดัดแปลงเล็กน้อยกลายเป็นเพลง "คำมั่นสัญญา")





พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์
แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง
จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
จตุบาทกลางป่าพนาสิณฑ์
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง
เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจฯ


กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน คุณวิเศษ ของดนตรี พระอภัยมณีอธิบายความวิเศษของ ดนตรีให้ศรีสุวรรณและสามพราหมณ์ฟัง)





แล้วตรัสบอกลูกน้อยกลอยสวาท
อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที
ทรลักษณ์อักตัญญุตาเขา
ให้ทุกข์ร้อนงอนหง่อทรพล
เพราะบิดามาด้วยอุศเรนนี้
เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ
เจ้าหน่อเนื้อเชื้อชาติดังราชสีห์
ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน
เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน
พระเวทมนตร์เสื่อมคลายทำลายยศ
คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด
จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองามฯ


กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน พระอภัยมณีขอร้องสินสมุทร ให้คืนนางสุวรรณมาลีแก่อุศเรน)





ประเวณีตีงูให้หลังหัก
จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง
อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า
ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย
จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ
ต้องตัดศึกลึกล้ำที่สำคัญ
มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง
เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย
ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
จะทำภายหลังยากลำบากครัน
ประหารบุตรเจ้าลังกาให้อาสัญ
นางหมายมั่นมุ่งเห็นจะเป็นการฯ


กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน นางวาลีเตือนสติพระอภัยมณี เมื่อพระอภัยมณีจะปล่อยอุศเรนไป)





พระโหยหวลครวญเพลงวังเวงจิต
โอ้จากเรือนเหมือนนกที่จากรัง
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้
โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย
หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น
แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน
วิเวกแว่วแจ้วเสียงสำเนียงปี่
ลงนั่งโยกโงกหงับทับกันเอง
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
ร่ำพิไรรัญจวนหวลละห้อย
น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร
ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง
พวกโยธีทิ้งทวนชนวนเขนง
เสนาะเพลงเพลินหลับระงับไปฯ


กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน พระอภัยมณีเป่าปี่ ช่วยศรีสุวรรณ สินสมุทร และพราหมณ์ทั้งสาม)





เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด
ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา
จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง

อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูง
ดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง
ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง
ให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี ฯ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "สุภาษิตสอนหญิง"





มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "สุภาษิตสอนหญิง"





จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึ้งขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "สุภาษิต สอนหญิง"





เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา
จะพูดจาพิเคราะห์ให้เหมาะความ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"





รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา
จึงจะเบาแรงตนช่วยขนขวาย
มีข้าไทใช้สอย ค่อยสบาย
ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"





แม้นชายใดใจประสงค์มาหลงรัก
ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น
อันความรักของชายนี้หลายชั้น
เขาว่ารักรักนั้นประการใด
จงพินิจพิศดูให้รู้แน่
อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล
เปรียบเหมือนปริศนาอย่าไว้ใจ
มันมักไพล่แพลงขุมเป็นหลุมพราง

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"





แม่รักลูก ลูกก็รู้ อยู่ว่ารัก
ใครอื่นสัก หมื่นแสน ไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่า เมตตาเตือน
จะจากเรือน ร้างแม่ ก็แต่กาย

ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ
เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก “ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม”
(ขุนแผนสอนพลายงาม)





เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
เพราะดั้นด้นอยากลิ้มชิมรสหวาน
ครั้นได้รสสดสาวจากจาวตาล
ย่อมซาบซ่านหวานซึ้งตรึงถึงทรวง

ไหนจะยอมให้เจ้าหล่นลงเจ็บอก
เพราะอยากวกขึ้นลิ้นชิมของหวง
อันรสตาลหวานละม้ายคล้ายพุ่มพวง
พี่เจ็บทรวงช้ำอกเหมือนตกตาล...

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก “นิราศพระ บาท”





กลอนแต่งสดุดีสุนทรภู่

สุนทรภู่ ครูกลอน อักษรศิลป์ ศิลปิน แห่งกวี ศรีสยาม
โครงฉันท์กาพย์ กลอนนิราศ ลือเรืองนาม ล้วนเลิศล้ำ ระบือไกล ในโลกา
พระอภัยมณี อิเหนา นั้นสร้างชื่อ นิราศฤา ภูเขาทอง ต้องรักษา
สุภาษิตสอนหญิงให้นำพา วันทองว่า นางหลายใจ ใช่ความจริง
ทั้งขุนช้าง ขุนแผน แสนสะท้าน นั้นอิงอ้าง นิยายไทย ในทุกสิ่ง
จันทรโครพ รามเกียรติ์ ไม่ประวิง ใจไม่กลิ้ง ดังใบบอน ท่านสอนมา
                                                  บท กลอนสุนทรภู่

        อ่านกลอนสุนทรภู่ เรื่อง สดุดีครูกลอนสุนทรภู่ ประวัติสุนทรภู่ มหากวีเอกของโลก ผลงานและเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับท่าน สุนทรภู่ เนื่องใน วันสุนทรภู่ 26 มิ.ย. ที่จะมาถึงนี้ ที่นี่เลยจ้า